รู้จักคนจีน
ทุกครั้งที่ผมแนะนำตัวกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมวงการธุรกิจ ว่าผมทำธุรกิจส่งออก มักจะมี 2-3 คำถามตามมาเสมอ และหนึ่งในนั้นก็คือ
“ส่งออกไปจีนด้วยใช่มั้ย”
เป็นคำถามที่ผมได้รับจนชินพอๆ กับคำถามที่ว่า
“ไปรับสินค้ามาจากไหน”
แต่ผมก็ยินดีตอบกลับไปว่า “จีนไม่ใช่ตลาดหลักของผมนะครับ”
เพราะคนจีนเข้ามาถึงเมืองไทยกันทะลุปรุโปร่งกันหมดแล้ว บางอย่างรู้ดีกว่าคนไทยซะอีก แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดี
แต่นั่นไม่สำคัญเพราะยังไงเราก็ยังมีที่ว่างในตลาดจีนอยู่ดี สินค้าไทยหลายๆ ตัวสามารถเข้าไปขายในจีนได้อย่างเต็มภาคภูมิ ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และวันนี้ผมจะมาอธิบายให้เห็นภาพว่าทำไมคนไทยถึงอยากเข้าไปขายในจีนมากขนาดนี้
ประเทศจีนใกล้ไทยนิดเดียวเอง
ถ้าไม่นับว่าประเทศเพื่อนบ้านต้องมีพรมแดนติดกัน ผมก็ถือว่าจีนเป็นเพื่อนบ้านของไทยเช่นกัน เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ในซอยเดียวกัน แค่ถัดไปอีกสองสามหลังจากเมียนมาร์กับลาว แค่นั้นเอง
ด้วยความใกล้กันนี่เองทำให้การขนส่งสินค้าไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก เราสามารถขนสินค้าไปจีนได้ทั้งทางเรือ ทางเครื่องบิน และทางรถอีกด้วย และสามารถไปได้ในราคาที่ไม่แพงอีกต่างหาก ค่าเรือ (Frieght) จากกรุงเทพฯ ไปกวางโจว ตู้ละประมาณ 300 เหรียญ หรือแค่ 12,000 ++ บาท แค่นั้นเองครับ
วัฒนธรรมเราคล้ายๆ กัน
อาจจะไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง แต่มีหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กัน ออกแนวคุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีนมากกว่า เช่น วันตรุษจีน การไหว้บรรพบุรุษ เชงเม้ง ฮวงจุ้ย การถือโชคลาภ การใช้ธูป อาหารการกิน คนไทยก็กินก๊วยเตี๋ยว (ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาจีน) แถมเรายังเรียกกับคนสนิทๆ ว่าพี่ หรือ เฮีย เจ้ ในบางครั้งอีกด้วย นี่ทำให้เราเหมือนกันเป็นคนคุ้นเคยกับคนจีนไปโดยไม่รู้ตัว
ชาวจีนรุ่นปู่ย่าตายาย (อากงอาม่า) ที่อพยพมาจากจีนแล้วมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย มาอาศัยอยู่อย่างไม่ได้ถูกกีดกัน ถ้าเป็นที่อื่น คนจีนอาจจะถูกกีดกัน แต่พอดีเป็นเมืองไทยที่มีแต่คนโอบอ้อมอารี และคนจีนที่เข้ามาก็เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน สามารถปรับตัวเข้ากับคนไทยได้อีกพอดี เลยเคมีตรงกัน และคนจีนเหล่านี้ก็ยังกลมกลืนกลายเป็นคนไทยโดยไม่รู้ตัว คนจีนในไทยรุ่นที่สามส่วนใหญ่หน้าตาตี๋ๆ หมวยๆ พูดได้แต่ภาษาไทย พูดภาษาจีนไม่เป็นอีกตะหาก
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศของไทยกับจีน
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไทยกับจีนก็มีความสัมพันธ์ในระดับสูง พระมหากษัตริย์ไทย กับฮ่องเต้ของจีน ก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน รวมถึงพ่อค้าจีนที่มาอยู่ในไทย การค้าระหว่างประเทศทางเรือในช่วงแรกๆ ของไทย ก็มีคนจีนเข้ามา เราจะเห็นจากเรือสำเภาจีนเป็นสัญลักษณ์ของการค้าขายนำเข้าส่งออก และมาถึงปัจจุบันนี้ ไทยกับจีนก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับราชวงศ์ รัฐบาล ไปถึงเอกชนอีกด้วย
ถามว่าทำไมตรงกัน พูดง่ายๆ เลย เคมีตรงกันอีกนั่นแหละ คนไทยรักสงบ ไม่ชอบรบกับใคร คนจีนก็เช่นกัน ไม่ชอบรบกับใคร ชอบค้าขาย ทำมาหากิน แต่ถ้าเกิดสงคราม เราก็ไม่ยอมให้ใครมาหยามเช่นเดียวกัน
นี่คือเหตุผลของมุมมองฝั่งทางไทย ทีนี้เราไปดูสภาพการณ์ของฝั่งจีนกันบ้าง
ประเทศจีนมีประชากรพันล้านคน
หรือเทียบเท่ากับ 1 ใน 6 ของประชากรโลก ซึ่งแปลว่าขายคนจีนได้ 1 คน ก็กินส่วนแบ่งไปได้เยอะแล้ว
แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่คนจีนทุกคนจะซื้อนะครับ ประเทศจีนมีพันล้าน แต่พื้นที่กว้างใหญ่ ถ้าไม่ใช่แบรนด์ระดับโลกก็ยากที่จะดังทั่วทั้งแผ่นดินจีน ฉะนั้นปัจจัยด้านประชากรพันล้าน อาจจะเป็นแค่เหตุผลนึง เหมือนเราไปตกปลาในบ่อที่มีปลาเยอะๆ มันก็น่าจะมีปลาติดเบ็ดบ้างแหละ แต่จะติดเมื่อไหร่ ติดที่ไหน ไม่มีใครรู้
นโยบายทางเศรษฐกิจของจีนเอื้อกับไทยมาก
หลังจากที่จีนยกระดับฐานะตัวเองด้วยการเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปทั่วโลก โกยเงินจากทั่วโลกเข้ากระเป๋าตัวเอง ตอนนี้จีนเริ่มสนใจเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น ทำให้ประชากรในประเทศ ที่มีจำนวนระดับทวีป มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ตอนนี้มีเงินมากพอแล้ว เอาให้คนจีนในประเทศหมุนเวียนกันเองนี่แหละ ไม่ต้องพึ่งพาประเทศอื่นมาก เพราะไม่รู้ว่าเกิดประเทศลูกค้ารายใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา เบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเงิน หรือเศรษฐกิจไม่ดี จีนก็จะกระทบไปด้วย
นโยบายนี้ทำให้จีนเริ่มนำเข้าสินค้ามากขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทยนั่นเอง
สินค้าไทยถูกใจคนจีน
มีคำกล่าวว่าของดีและถูกไม่มีในโลก เพราะคุณภาพเทียบกับราคา ผมขอเว้นไว้กับสินค้าไทยไว้หนึ่งอย่าง เพราะสินค้าไทยคุณภาพดี และราคาไม่แพง (เทียบกับประเทศอื่นๆ) นั่นแปลว่าเรามีศักยภาพ เรามีโอกาส แต่มันก็เหมือนกับคำสาปนิดนึงตรงที่ เราผลิตสินค้าเก่ง แต่ขายของไม่เก่ง ไม่รู้จักออกไปขวนขวายหาตลาดนอกบ้าน อยากเก่งแต่ในบ้าน แข่งกันเอง ทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันไปเยอะมากๆ ครับ
คนจีนก็ชื่นชอบคนไทย
ไม่รู้เป็นอะไร คนไทยโชคดีอีกแล้ว เราก็เป็นคนธรรมดา ที่รักสวยรักงามและออกแนวขี้เกียจหน่อยๆ แต่คนจีนแอบมีความหลงใหลคลั่งไคล้อะไรที่เป็นไทย อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมไทย และคนไทยไม่พยายามทำ ไม่เฟค รวมถึงความสุภาพอ่อนน้อม เลยทำให้เราเป็นที่สนใจของชาวจีนนั่นเอง
แต่ความชื่นชอบก็มีเบื่อกันได้นะครับ ตอนนี้เค้าชอบแล้วก็ควรใช้โอกาสให้เต็มที่ ขายความเป็นไทยให้ได้จะดีมากๆ ครับ
โอกาสของตลาดจีนยังมีอีกมาก
ผมทิ้งท้ายด้วยเหตุผลนี้เพราะในอนาคตจะมาเล่าให้ฟังต่อว่ามีโอกาสในตลาดจีนยังไงบ้าง เอาง่ายๆ ถ้าถามว่าคนไทยกับคนจีนใครปลูกข้าวได้เยอะกว่ากัน คำตอบเราอาจจะแปลกใจนะครับ เพราะคนจีนปลูกได้เยอะกว่าครับ แต่ประชากรเยอะ ขายไม่พอ คนไทยปลูกน้อยกว่า แต่กินไม่หมด เรามีประชากรน้อย เราเลยส่งของที่มีเยอะๆ ไปขายให้เค้าไงครับ
คนไทยบริการเก่ง คนจีนไม่รักการบริการ ผมเคยไปซื้อฟิล์มติดมือถือที่เสือป่า เจอร้านคนไทยขาย 150 บาท พร้อมติดให้ด้วย ส่วนร้านคนจีนขายแค่ร้อยเดียว แต่ให้ไปติดเองนะ คนไทยเน้นบริการ สร้างความประทับใจ แต่คนจีนเน้นเร็ว กำไรน้อยหน่อยแต่ไม่เสียเวลา พอมีความต่าง เราก็มีโอกาสในการทำธุรกิจนะครับ
สนใจเริ่มต้นธุรกิจส่งออก คลิกที่นี่
คนจีนนึกถึงแต่เรื่องหาเงิน แล้วก็ไม่เคยแคร์อุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น
นี่เป็นเอกลักษณ์สำคัญมากที่ทำให้ชนชาติจีนรุ่งเรืองด้านการค้าขาย เวลาเค้าบอกว่าจะขายอะไร ก็จะเริ่มจากหาสินค้า อยากนำเข้าสินค้าจากไทย ก็จะบินมาเมืองไทยทันที โดยไม่ได้มีข้ออ้างว่าจะพูดภาษาอะไรได้บ้าง เค้ารู้แค่ว่าเค้ามาเมืองไทยเพื่อเอาของกลับไปขายเมืองจีน แค่นั้นเอง
ผมเคยเจอคนจีนคนนึง คือลูกค้าผมนั่นแหละ จำได้ว่ามาเมืองไทยประมาณเดือนนึง แล้วก็มาสั่งสินค้าจากผม รอผมผลิตเสร็จแล้วค่อยส่งของกลับ จากนั้นก็บินกลับไปรอของที่เมืองจีนด้วยตัวเอง
ครั้งแรกที่ผมเจอเค้า คือเค้าก็สั่งสินค้าจากผม แล้วรอบสองที่เจอกันอีกทีคือตอนที่ผมเอาของไปส่งเค้าที่ขนส่ง แล้วผมก็พบว่าเค้าหาของอื่นๆ กลับเมืองจีนด้วย และส่งของกลับผ่านขนส่งคนไทยด้วย แน่นอนว่าเค้าพูดได้แต่ภาษาจีนนะครับ มาเมืองไทย ประเทศที่คนพูดได้แต่ภาษาไทย หรือดีหน่อยก็อังกฤษ พูดจีนหาได้น้อยมาก ยังไม่รวมพนักงานขนส่งที่น่าจะพูดได้แต่ภาษาไทย แต่เค้าก็สามารถเอาของกลับเมืองจีนได้
มองย้อนกลับที่คนไทยบางทีผมเองก็ยังเป็น จะไปประเทศนี้ แต่เราพูดภาษาเค้าไม่ได้ เลยทำให้เป็นอุปสรรค เพราะเราคิดเยอะกันไปนิดนึง นี่เป็นแนวคิดที่เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อจะแข่งกับเค้าให้ได้นะครับ
คนจีนต้องการเป็นเจ้าของจากทั้งระบบ
กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่มาซื้อของเมืองไทย มักจะมาหาแหล่งต้นตอ หรือผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งตัวผมเองในฐานะที่เป็นคนกลาง ก็ได้รับคำถามนี้เป็นประจำ
คนจีน “คุณเป็นโรงงานเองรึเปล่า”
ผม “เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นโรงงาน แต่คุณหาของหลายๆ อย่างจากผมได้คนเดียวเลยนะ”
คนจีน “ถ้างั้นผมขอไปดูโรงงานที่คุณซื้อได้มั้ย”
ผม “โรงงานผมจะเปิดให้ดูเฉพาะลูกค้าที่ซื้อขายกันแล้วเท่านั้น ระยะทางก็ไกลมาก”
คนจีน “ถ้างั้น ผมขอเบอร์โรงงานคุณหน่อยได้มั้ย”
ผม “…”
เป็นไงครับ ฟังแล้วอึ้งไปเลยมั้ย เค้าถามแหล่งสินค้าเราเฉยเลย แบบไม่แคร์ด้วยว่าจะโดนเราด่ารึเปล่า
ฉะนั้นใครที่เป็นคนกลาง อาจจะต้องหาจุดขายอื่นๆ มาชดเชยราคาที่แพงกว่าโรงงานด้วยนะครับ
คนจีนไม่สนใจขายแบบเครดิต เงินสดเท่านั้น
ในการซื้อขายกับคนจีน จะง่ายหน่อยตรงที่เค้ามีเงินสดในมือเยอะ ถ้าดูสินค้าแล้วถูกใจ ดูคนขายแล้วเชื่อถือได้ ก็จ่ายเงินสดกันเลยนะครับ ไม่ต้องมาทำ L/C อะไรให้เสียเวลา เพราะสำหรับคนจีน เวลาสำคัญมาก ขอทำอะไรเร็วๆ ได้เงินเร็วๆ แค่นี้พอ
ค้าขายกับคนจีน ต้องรวดเร็ว และชัดเจน
ผมเคยไปซื้อฟิล์มติดมือถือที่เสือป่า ใกล้ๆ คลองถม มองหารุ่นมือถือที่ต้องการ ปรากฏว่าไปเจอร้านนึงเป็นร้านเดียวที่มี และคนจีนเป็นคนขาย ผมถามว่าราคาเท่าไหร่ เค้าตอบมาว่าร้อยเดียว ซึ่งถูกกว่าร้านติดฟิล์มทั่วๆ ไปที่ขายกัน 150-200 บาท
แต่เดี๋ยวก่อน อาตี๋คนขายแกบอกว่า ขายแต่ฟิล์มนะ ไม่ได้มีบริการติดฟิล์ม
ตกใจนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่า ติดฟิล์ม แม้จะได้เงินแค่ร้อยเดียว แต่เสียเวลาอีก 5 นาที เพื่อทำความสะอาดนั่นนี่ สู้เอาเวลามาขายของตัวอื่นๆ เพิ่มเติม รวมๆ แล้วน่าจะกำไรเยอะกว่า
ผิดกับร้านติดฟิล์มคนไทย มีบริการติดฟิล์มด้วย แพงกว่าเกือบเท่าตัว แต่บริการให้ดี เอาสก๊อตเทปมาดึงฝุ่นออก เช็ดแล้วเช็ดอีก
เห็นอะไรบ้างมั้ยครับ คนจีนเน้นความเร็ว ไม่ได้เน้นให้บริการเท่าไหร่ การบริการของคนจีน ไม่ละเอียดอ่อน สู้คนไทยไม่ได้เลย
หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรืออยากปรึกษา ก็แอดไลน์เข้ามาได้เลยครับ
หรืออยากเรียนส่งออก แบบเริ่มต้นธุรกิจเองได้เลย ก็สมัครได้ทางไลน์เช่นกัน
แอดไลน์ >>
ขอให้ทุกคนโชคดีในการทำธุรกิจนะครับ